วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

โตโยต้าได้เปิดตัวนวัตกรรม งานแสดงรถยนต์แห่งกรุงเจนีวา

ทางเลือกใหม่ของชีวิตอิสระในเมืองใหญ่? - ดีไซน์ต้นแบบ

ในงานแสดงรถยนต์แห่งกรุงเจนีวาที่เพิ่งจบไปนั้น โตโยต้าได้เปิดตัวนวัตกรรมที่จะเป็นทางเลือกใหม่ของการสัญจรในเมืองใหญ่ พวกเขาเรียกมันว่า “ไอ-โร้ด” นวัตกรรมยานยนต์แบบสามล้อไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอคทีฟ ลีน ที่พร้อมจะเอียงตัวรถให้เข้าโค้งได้อย่างลื่นไหลและปลอด ภัย อันเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีนี้มากว่า 10 ปีเพื่อเป็นคำตอบให้กับการสัญจรในระยะทางสั้น ๆ ในมหานครใหญ่หรือในเขตชุมชน ที่การหาที่จอดรถนั้นทำได้ยาก รวมถึงเป็นคำตอบให้กับระบบแบ่งเช่ารถ หรือคาร์ แชริ่ง ที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในมหานครใหญ่ ๆ ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นระบบสมาชิก โดยสมาชิกสามารถยืมรถจากจุดหนึ่งแล้วนำไปจอดยังเครือข่ายอีกที่หนึ่งได้ เมื่อรถคันเดียวกันนั้นไปถึงจุดหมายแล้วก็จะสามารถให้ผู้อื่นนำไปใช้ต่อ


ไอ-โร้ดนั้นเป็นยานพาหนะขนาด 2 ที่นั่ง ที่มีการเรียงที่นั่งตามยาว มีขนาดความกว้างพอ ๆ กับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ คือราว ๆ 85 เซนติเมตร และยาวเพียง 2.3 เมตร โดยตัวรถนั้นมีหลังคาเรียบร้อย สามารถปกป้องผู้ใช้งานจากสภาพอากาศที่แปรปรวนได้เหมือนรถยนต์ แต่มีความคล่องตัวใกล้เคียงกับจักรยานยนต์ขนาดใหญ่อันได้มาจากระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ ลีนที่ทำให้รถเข้าโค้งได้เหมือนจักรยานยนต์ ระบบพลังงานของไอ-โร้ดนั้นได้มาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ที่ส่งกำลังไปยังมอเตอร์ขนาด 2 กิโลวัตต์ที่ติดตั้งในล้อหน้าแต่ละข้าง ส่วนการเลี้ยวรถไอ-โร้ดนั้นจะแตกต่างจากรถทั่ว ๆ ไปที่เราคุ้นเคยคือการเลี้ยวด้วย “ล้อหลัง” ส่วนล้อหน้านั้นเป็นการหมุนไปด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากันจากการควบคุมของคอมพิวเตอร์ เลยทำให้รูปแบบของการเคลื่อนที่ของไอ-โร้ดนั้นมีความพลิ้วไหว ลื่นไหล และนุ่มนวล ดูแล้วไม่แตกต่างไปจากท่าทางของนักสเกตน้ำแข็งเลยก็ว่าได้ โตโยต้าให้ข้อมูลว่าไอ-โร้ดนั้นสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้ 45 กม./ชม. และระยะทางเฉลี่ยที่ทำได้คือ 50 กิโลเมตร แม้ว่าจะดูไม่มากมายอะไร แต่ก็เป็นขอบเขตที่เหมาะสมสำหรับการสัญจรในเขตเมือง หรือเขตชุมชน


แต่เชื่อว่าต่อไปในอนาคตอันใกล้ ด้วยความเร็วของการพัฒนาระบบแบตเตอรี่ เราจะสามารถเห็นขอบเขตระยะทางที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 100 กิโลเมตร อย่างแน่นอน แต่เรื่องของความเร็วนั้น เชื่อว่าด้วยรูปแบบของการเข้าโค้งในแบบของไอ-โร้ด คงจะไม่เหมาะสมกับความเร็วสูงมากนัก ซึ่งจะว่าไปแล้วทุกวันนี้ที่การเดินทางไปไหนมาไหนในเมืองอย่างกรุงเทพมหานครใช้เวลาค่อนข้างมาก ไม่ได้มาจากว่ารถยนต์ไม่เร็ว แต่มาจากรถยนต์เคลื่อนที่ได้ช้ามากจากการจราจรที่คับคั่ง จึงเห็นได้ว่าแม้แต่รถจักรยานทั่ว ๆ ไปที่ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 30 กม./ชม. ด้วยความเร็วเฉลี่ยเพียง 20 กม./ชม. ก็สามารถเดินทางจาก จุด A ไปจุด B ในเมืองได้รวดเร็วกว่ารถยนต์ด้วยซ้ำไป ดังนั้นความเร็วระดับ 45 กม./ชม. จึงไม่ใช่ปัญหา และถ้ามีการใช้งานรถขนาดเล็ก อย่างไอ-โร้ด เป็นจำนวนมาก ก็น่าจะทำให้การใช้พลังงานโดยรวมของโลก รวมไปถึงมลพิษและเวลาที่เราจะติดแหง็กอยู่กลางถนนก็น่าจะลดลงด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการเรียกร้องของประชาชนเองในการที่จะช่วยกันสร้างรูปแบบใหม่ของชีวิตที่ดีขึ้นกว่าทุกวันนี้นั่นเอง
.................

คลิกชมภาพต่อที่นี่....